วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

บีเกิล (Beagle)


บีเกิล (Beagle)
เฉลียวฉลาด ซุกซน คล่องแคล่วว่องไว




คุณสมบัติของสุนัข



 

 ลักษณะทั่วไป

     บีเกิลถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "สุนัขไล่หมาจิ้งจอกขนาดเล็ก" ขนสั้นเรียบลำตัวมีความยาวของลำตัวมากกว่าด้านสูงเล็กน้อย หูชิดกับหัว ปกติสีของบีเกิ้ลมี 3 สี ขาว ดำและแทน แต่สีที่เด่นและเป็นที่ยอมรับ คือสีผสมกันทุกสีจะเป็นที่ยอมรับ สุนัขบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่อยู่ในกลุ่มต้นๆ ของสุนัขล่าสัตว์ แผลเป็นส่วนใหญ่มักเกิดจากการล่าสัตว์ รอยตัด รอยแหว่งที่หู ที่อาจเกิดจากหญ้า หนาม ใบไม้เป็นพิษ เป็นต้น

 ความเป็นมา

     ต้นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าสุนัขกลุ่ม Hound สายพันธุ์นี้น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ยุคสมัยก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะเข้ายึดครอง บางรายงานกล่าวว่ามีการพบสุนัขสายพันธุ์นี้ในสมัยฝรั่งเศสและกรีกโบราณ และมีหลักฐานที่แน่ชัดชิ้นหนึ่งซึ่งบ่งชี้ว่ามีการใช้สุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้สำหรับล่าสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างกระต่าย ตั้งแต่ยุคสงครามครูเสด

     สุนัขสายพันธุ์บีเกิลสามารถพบเจอได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศอังกฤษเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ซึ่งชาวอังกฤษนิยมเพาะมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเค้าคือมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างสูงในการไล่ล่าและแกะรอยกระต่ายป่า ดังนั้นนายพรานชาวอังกฤษจึงมักพาเจ้าบีเกิลออกไปเป็นฝูงๆ แต่เช้ามืดเพื่อดมกลิ่นหาเหยื่อ เมื่อพวกเค้าได้กลิ่นเป้าหมายก็จะเห่าบอกเจ้านายและตามตีวงล้อมอย่างไม่ลดละ บีบให้เหยื่อเหลือทางหนีน้อยที่สุด (และหากเจ้ากระต่ายตัดสินใจหนีออกทางที่เหลืออยู่ก็มักต้องพบนายพรานดักรออยู่นั่นเอง) ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมของนายพรานชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก

     ในเวลาต่อมา ได้มีผู้นำสุนัขสายพันธุ์บีเกิลไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง หากแต่บีเกิลที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกาช่วงแรกๆ นั้นก็ยังไม่มีรูปร่างสวยงามตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์เหมือนอย่างบีเกิลของประเทศอังกฤษ กระทั่งถึงปี ค.ศ.1870 จึงมีนักพัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวสหรัฐฯ กลุ่มหนึ่งเริ่มหันมาสนใจพัฒนาสายพันธุ์ของบีเกิลอย่างจริงจัง จนทำให้ได้บีเกิลซึ่งมีลักษณะดี เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องตามมาตรฐานในที่สุด ซึ่ง American Kennel Club ก็ได้ทำการจดทะเบียนรับรองสุนัขสายพันธุ์บีเกิลตัวแรกเมื่อปี ค.ศ.1885 และต่อมาในปี ค.ศ.1888 จึงได้มีการก่อตั้งชมรมผู้เพาะพันธุ์บีเกิลแห่งสหรัฐฯ ขึ้นอย่างเป็นทางการ

     ปัจจุบันสุนัขสายพันธุ์บีเกิลยังคงเป็นสุนัขซึ่งมีผู้นิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยความน่ารัก คล่องแคล่ว และเป็นมิตรกับทุกคน อย่างไรก็ตามบีเกิลอาจไม่เหมาะนักสำหรับการเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความที่เค้าต้องการสังคมสูง ชอบเล่นสนุก ชอบผูกมิตรกับสมาชิกในครอบครัวและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ดังนั้นหากปล่อยให้เค้าต้องอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานจนเกินไปอาจทำให้เค้าเกิดความเครียดและนำไปสู่พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์หลายๆ ประการ

ลักษณะนิสัย
       บีเกิลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่นๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กๆได้ดี บีเกิ้ลสามารถปรับตัวเข้ากับคนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี้

{pic-alt} 

 การดูแล

     การดูแลทำความสะอาดให้สุนัขขนสั้นอย่างบีเกิลนั้นแสนง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อมๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้ ส่วน เรื่องการแปรงขนให้บีเกิลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุกๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน
และถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุที่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เค้าถูกพัฒนาขึ้นมาคือการเป็นสุนัข สำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกเค้ามีพลังงานในตัวมากและชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง จึงควรพาน้องบีเกิลไปออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น และหากอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีบริเวณกว้างขวางนัก อย่างเช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ ก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่าพอมีเวลาและมีสวนสาธารณะใกล้เคียงที่สามารถพาเค้าไปเดินเล่นออกกำลังได้หรือไม

 
{pic-alt} 

 ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     บีเกิลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ ดังนั้นครอบครัวที่มีเด็กจึงเหมาะกับการเลี้ยงสุนับพันธุ์นี้มากๆ

 
 ข้อควรจำ

     บีเกิลไม่ชอบและจะเบื่อถ้าถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง ตัวเดียวได้เป็นเวลานานๆ ถ้าพวกเขารู้สึกเบื่อ เขาจะซนมาก คอยจะขุดหลุม หลีกหนี หรือดึงเสื้อผ้าที่ตากบนราวลงมาเล่น  
{pic-alt}

 

 




 ความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้




  มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาด
ความสูงไม่ควรเกิน 15 นิ้ว
ศรีษะ
กะโหลกค่อนข้างยาว ท้ายทอยเป็นรูปโดม หน้าผากกว้างและเต็มจมูกยาวปานกลาง ส่วนปลายจมูกเห็นชัดเจน
ฟัน
ฟันต้องแข็งแรง ฟันสีขาว ขบกันพอดี
ปาก
ริมฝีปากดำ ไม่หย่อนคล้อย กระบอกปากยาวกำลังดี 
ตา
ดวงตากลมใหญ่ ตั้งอยู่ในตำแหน่งพอดี สายตานุ่มนวล แต่แววตาแสดงออกถึงความกระตือรือร้น ดวงตามีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแดง
หู
หูอยู่ในตำแหน่งต่ำเล็กน้อย ชิดกับหัว ขอบหน้าใบหูชิดกับแก้ม มีความยาวมากถ้ากางหูออก ปลายใบหูจะชิดกับปลายจมูก ใบหูเนื้อบาง หูค่อนข้างกว้างและกลม ในส่วนปลายไม่สามารถทำให้หูตั้งขึ้นได้
จมูก
สีดำ 
คอ
ลำคอยาวปานกลางงอยู่ในตำแหน่งอิสระ แข็งแรง คอไม่ต่ำ ลำคอสะอาด ไม่มีรอยย่นของผิวหนัง แต่อาจมีบ้างเล็กน้อยในตำแหน่งด้านล่างตรงมุมของกราม แต่ยอมรับได้
อก
อกลึกและกว้างแต่ไม่รบกวนการเป็นอิสระของของไหล่
ลำตัว
ลำตัวสะอาดเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเส้นโค้งของไหล่จะทำให้การเดินและท่าทางของสุนัขเต็มไปด้วยความแข็งแรงดูไม่หนาเทอะทะ
เอว
-
ขาหน้า
ตรงและเต็มไปด้วยกระดูกซึ่งเป็นลักษณะของสุนัขกลุ่มล่าสัตว์ ข้อเท้าสั้นและแข็งแรง 
ขาหลัง
เข่าแข็งแรง ลาดลงพอดี ข้อเท้าสมดุลและแบออกปานกลาง
หาง
อยู่ตำแหน่งปานกลาง ปลายหางโค้งขึ้นเล็กน้อยสูงกว่า แต่ไม่ไปด้านหน้ามากนัก หางจะมีขนเป็นพวง
ขน
ขนสั้น เรียบแน่น 
สีขน
3 สีร่วมกันโดยบนหลังจะเน้นเป็นสีน้ำตาลแดง อกและใต้ท้องจะเป็นสีขาว พาดด้วยสีดำไหม้

ไทยบางแก้ว (Thai Bangkaew)


ไทยบางแก้ว (Thai Bangkaew)
สุดยอดแห่งความซื่อสัตย์ เฝ้าบ้านได้หายห่วง





คุณสมบัติของสุนัข
·        

 ลักษณะทั่วไป

     บางแก้วเป็นสุนัขขนาดกลาง รูปร่างคล้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสัดส่วนที่กลมกลืน มีกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีการเลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว รวดเร็ว ปราดเปรียว


 
 ความเป็นมา

     สำหรับประวัติของสุนัขพันธุ์บางแก้วนั้นได้มีข้อสันิฐานว่า เกิดจากสุนัข 3 พันธุ์ด้วยกันผสมกันแล้วก็กลายมาเป็นบางแก้วนั่นก็คือ พันธุ์ไทย พันธุ์สุนัขจิ้งจอก และสุนัขป่า ซึ่งพอผสมสมกันแล้วจะมีลักษณะ ขนยาวปลานกลาง ปากแหลม หางเป็นพวง ซึ่งเป็นลักษระของสุนัข จิ้งจอก กะโหลกเป็นสามเหลี่ยม ใบหูตั้งสั้นปลายแหลม โคนหูห่างกันมากเป็นลักษณะของสุนัขป่าส่วนลักษณะของสีหรือรูปร่างก็คล้ายสุนัขพันธุ์พื้นบ้านของไทยทั่วไปนั้นเอง

     สุนัขพันธุ์บางแก้ว เป็นสุนัขที่ต้นกำเนิดจาก ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งในอดีตชาวบ้านอาศัยเรือนแพอยู่สองฝั่งคลอนบางแก้ว และมีอาชีพประมงแทบทุกครัวเรือน

 {pic-alt}

  สุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขไทยพันธุ์หนึ้งที่มีความสวยงามคล้ายสุนัขพันธุ์ต่างประเทศมีขนยาวสวยงาม หางเป็นพวง มีรูปร่างขนาดปานกลางรูปทรงของลำตัวตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นรูปสี่เหลี่ยม

     ในระยะแรกๆ การเลี้ยงสุนัขบางแก้ว  มีกเลี้ยงกันภายในบริเวณเรือนแพต่อมาได้มีการเลี้ยงแพร่หลายออกไปจากบ้านบางแก้วไปบริเวณใกล้เคียงเช่นบ้านชุมแสงสงคราม  บ้านห้วยชัน  บ้างวังแร่  บ้านบางระกำ  เป็นต้น

     ปัจจุบันสุนัขพันธุ์บางแก้วไก้มีการเลี้ยงแพร่พันธุ์ออกไปทั่วประเทศ  ด้วยจุดเด่นและเป็นเสน่ห์คือเป็นสุนัขที่มีอุปนิสัยรักเจ้าของ รักถิ่นฐาน ซื่อสัตย์ ฝึกง่าย ฉลาดว่องไว และมีนิสัยดุกว่าสุนัขพันธุ์ไทยอื่นๆ ซึ่งมี  ประโยชน์ต่อการใช้งานในด้านการพิทักษ์รักษาทรัพย์ภายในบ้าน ไร่นาและสวนหรือโกดังต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ทั้งยังมีลัษณะที่สวยงามเป็นจุดเนกว่าสุนัขไทยอื่นๆ อีกด้วย


 ลักษณะนิสัย

     บางแก้วมีนิสัยที่ค่อนข้างตื่นตัว ร่าเริง เชื่อมั่นในตัวเอง จิตประสาทมั่นคงไม่ขี้กลัวหรือตื่นตกใจง่าย ซื่อสัตย์ หวงของ ฉลาด กล้าหาญ สามารถฝึกใช้งานได้ หวงสิ่งของและหวงเจ้าของ และมีความจงรักภักดีต่อเจ้าของ

 
 การดูแล

     การให้อาหารสุนัขไทยบางแก้ว นั้นส่วนใหญ่แล้วสุนัขบางแก้วจะชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา อาจให้กินข้าวสลับกับอาหารเม็ด และควรให้กินน้ำอย่างสม่ำเสมอ (ควรเปลี่ยนน้ำทุกวันด้วย) ส่วนเรื่องการดูแลทำความสะอาดนั้น สุนัขบางแก้วเป็นสุนักที่มีขนยาวในระดับปานกลาง ควรอาบน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อย่างสม่ำเสมอ และควรแปรงขนบ่อยๆ ด้วย ส่วนเรื่องของการออกกำลังกายนั้น หากผู้เลี้ยงมีเวลาว่าง ควรพาสุนัขออกไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง เพื่อเป็นการเสริมสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับสุนัข และเป็นการผ่อนคลายความเครียดให้กับสุนัขด้วย


 
{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     ควรเป็นผู้ที่มีเวลาในการดูแลสุนัขทั้งในเรื่องของความสะอาดและสุขภาพ ทั้งนี้ผู้เลี้ยงยังต้องมีความเข้าใจถึงอุปนิสัยของสุนัขบางแก้วด้วยว่า เป็นสุนัขที่ค่อนข้างดุแต่สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ หากผู้เลี้ยงมีความเข้าใจในอุปนิสัยของสุนัขว่ามีนิสัยที่ค่อนข้างหวงถิ่นที่อยู่ และหวงสิ่งของ รวมไปถึงหวงเจ้าของ และมีการฝึกให้สุนัขอยู่ในกฏระเบียบและเชื่อฟังคำสั่งก็จะไม่มีปัญหาในการเลี้ยง


 ข้อควรจำ

    ควรระวังหากมีคนภายนอกมาเข้ามาแตะต้อง มันจะทำร้ายทันที


 
{pic-alt} 
 
 ความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้



 มาตรฐานสายพันธุ์

 
ขนาด
เพศผู้สูง 19 - 21 นิ้ว เพศเมียสูง 17 - 19 นิ้ว
ศรีษะ
กะโหลกใหญ่ ได้สัดส่วนกับลำตัว ปากยาวแหลม
ฟัน
เล็กและแหลมคม คบแบบกรรไกร ฟันบนเกยอยู่ด้านนอก สุนัขโตควรมีฟันครบ 42 ซี่
ปาก
กระบอกปากยาว ริมฝรปากดำ ชุ่มชื้น กระชับ
ตา
เล็ก เป็นรูปผลอัลมอนต์ สีน้ำตาลเข้ม
หู
เป็นรูปสามเหลี่ยมมีขนาดเล็ก ได้สัดส่วนกับหัว โน้มไปด้านหน้า มีขนอ่อนที่กกหูและหลังใบหู
จมูก
จมูกสีดำเข้ม หรือสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ
คอ
คอใหญ่ มีแผงขนยาวรอบคอคล้ายสิงโต
อก
กว้าง ลึก ในระดับเดียวกับข้อศอก โครงกระดูกหน้ามีลักษระเป็นรูปวงรี
ลำตัว
ช่วงตัวตอนหน้าใหญ่ ตอนท้ายค่อนข้างเล็ก ลำตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลางแต่แคบ ยืดอกเวลาเดิน เส้นหลังตรง        
เอว
-
ขาหน้า
ใหญ่กว่าขาหลัง เวลายืนเหยียดตรงและขนานกัน หลังขามีขนยาว
ขาหลัง
เล็กกว่าขาหน้า เวลายืนทำมุมพอเหมาะ
หาง
โคนหางใหญ่ ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาสันหลัง
ขน
ขนยาวปานกลาง มี 2 ชั้น ชั้นในละเอียดนุ่ม ชั้นนอกเส้นใหญ่เหยียดตรง ยาวคลุมแผ่นหลัง
สีขน
ขาว-น้ำตาล , ขาว-ดำ , ขาว-เทา

ดัชชุน (Dachshund)


ดัชชุน (Dachshund)
กระทัดรัด ฉลาด ขี้ประจบ




คุณสมบัติของสุนัข

 ลักษณะทั่วไป

     ดัชชุน รูปร่างเตี้ย ขาสั้น ตัวยาว แต่มีการพัฒนาของกล้ามเนื้อที่แน่นและแข็งแรง ลักษณะการเชิดศีรษะเต็มไปด้วยความกล้าหาญและมั่นใจ สีหน้าของดัชชุนแสดงออกซึ่งความฉลาด ทั้งๆ ที่ขาสั้นเมื่อเทียบกับความยาวของลำตัว แต่ดัชชุนด์ไม่เคยแสดงออกถึงลักษณะของความพิการ งุ่มง่ามหรือยืดยาดในการเคลื่อนไหว มีความฉลาด สดใสและกล้าหาญโดยไม่คำนึงถึงอันตราย มุ่งมั่นในการทำงานทั้งบนดินและใต้ดิน ประสาทสัมผัสทั้งหมดพัฒนาอย่างดี มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับเกมการล่าสัตว์ใต้ดิน นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณในการล่าสัตว์ รูปร่างและจมูกที่เหมาะสม ทำให้ได้เปรียบเหนือพันธุ์อื่นทั้งหมดของสุนัขที่ใช้ในกีฬาการสะกดรอย
 
 ความเป็นมา

     สุนัขดัชชุน เป็นสุนัขที่อยู่ในกลุ่มฮาวด์มีรูปร่างที่กระทัดรัด ฉลาด ขี้ประจบ ลำตัวยาวดูแปลกตาจึงเป็นที่รู้จักกันในนาม "สุนัขไส้กรอก" ชื่อดัชชุน (dachs หมายถึงสัตว์ชนิดหนึ่ง hund หมายถึงสุนัข ) ปรากฎในหนังสือเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในยุโรปสมัยกลาง เป็นสุนัขที่มีความคล้ายคลึงสุนัขฮาวด์ในการแกะรอย และมีรูปร่างและอารมณ์คล้ายสุนัขเทอร์เรียร์ มีความสามารถในการติดตามตัวแบดเจอร์ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ดินและมักจะออกมาหาอาหารตอนกลางคืน จึงมักถูกเรียกว่าสุนัขแบดเจอ
 
     ด้วยความแข็งแรงและทรหด บวกกับความฉลาดและกล้าหาญ ทั้งบนและใต้พื้นดิน สุนัขดัชชุน หลายตัวรวมกันสามารถเข้าต่อกรกับหมีป่าได้อย่างสบาย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงมีการปรับปรุงพันธุ์เพื่อใช้ในเกมล่าสัตว์แบบอื่นๆ สุนัขดัชชุนด์ขนาดเล็กที่มีน้ำหนัก 16 - 22 ปอนด์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับสุนัขจิ้งจอก และในการแกะรอยกวางที่ได้รับบาดเจ็บ สุนัขขนาดนี้ได้กลายมาเป็นที่รู้จักกันดีในอเมริกา สุนัขที่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีน้ำหนัก 12 ปอนด์ ถูกนำมาใช้ล่าสัตว์ป่าชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "Stoat" มีขนาดเล็ก มีขนสีน้ำตาล อาศัยอยู่ในยุโรปตอนเหนือ
 
     การนำเข้าสุนัขพันธุ์ดัชชุนด์มายังประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นมาก่อนการจัดโชว์สุนัขอเมริกาครั้งแรก สุนัขที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกใช้ในการล่าสัตว์น้อยมากเพราะว่าไม่ค่อยมีตัวแบดเจอร์และหมีป่า และไม่มีการล่ากวางด้วยสุนัข รวมทั้งไม่มีการล่าสุนัขจิ้งจอกด้วยการดมกลิ่น ลักษณะและรูปร่างที่ถูกต้องของสายพันธุ์ได้รับการส่งเสริม โดยการนำเข้าสายพันธุ์ที่ใช้ในการล่าสัตว์ของเยอรมันและเพื่อส่งเสิรมความสามารถในการล่าสัตว์ รวมถึงรูปร่างและอารมณ์ที่ดีเลิศ ความสามารถในภาคสนามตามกฎของ AKC ได้รับการกำหนดขึ้นในปี 1935
 
{pic-alt}

 ลักษณะนิสัย

     ดัชชุนเป็นสุนัขฉลาด ขี้สงสารและไม่ค่อยสร้างความ ยุ่งยาก ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน หากได้ รับการ ฝึกอย่างดี อย่างถูกวิธี มันจะเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังคำสั่ง เข้ากับเด็กได้ดี ทีเดียว


 การดูแล

     สุนัขพันธุ์ดัชชุนมีสัญชาตญาณของความเป็น นักล่ามันชอบขุดดินเป็นนิสัยในสายพันธุ์ มันชอบที่จะ ขุดดินนอกบ้าน และตะกรุยพื้นในบ้าน หากไม่ได้รับการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ มีแนวโน้มที่จะอ้วนเพราะสุนัขพันธุ์ดัชชุนตัวเตี้ยเล็กนี้ จะมีขาสั้นแต่ลำตัว ยาว อันจะเป็นสาเหตุทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับหลัง กำลังศูนย์ถ่วงที่น้ำหนักตกลงบนลำตัว หากกินมากเกินไป จนอ้วนจะทำให้หลังแอ่นอาจจะมีปัญหากับกระดูกสันหลังได้ ผู้เลี้ยงควรใส่ใจกับปัญหาดังกล่าวด้วย

{pic-alt} 
{pic-alt}


 ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     ผู้ที่จะเลี้ยงดัชชุน ควรเป็นผู้เลี้ยงที่มีเวลาพาสุนัขไปออกกำลังกาย และให้ความสำคัญกับการควบคุมดูแลสุขภาพของสุนัข

  
{pic-alt}


{pic-alt}
  

 ความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้



 มาตรฐานสายพันธุ์

ขนาด
น้ำหนัก 16 - 22 ปอนด์
ศรีษะ
เมื่อดูจากด้านบนหรือด้านข้าง ศีรษะจะค่อยๆ เรียวเล็กลงอย่างสม่ำเสมอไปยังปลายของจมูก เห็นเป็นเส้นชัดเจน กะโหลกศีรษะกลมเล็กน้อย และควรลาดเอียงทีละน้อยโดยไม่มีสต๊อป ไปยังแนวสันจมูกกระดูกเหนือตายื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปลายจมูกยาวและแคบ ริมฝีปากยึดออกไปคลุมขากรรไกรล่าง แต่ไม่ลึกหรือยื่นออกมา มุมปากไม่มีเครื่องหมายชัดเจน จุดเชื่อมต่อของขากรรไกรบนและล่างอยู่ด้านหลังของตา
ฟัน
ฟันเขี้ยวมีพลังมาก ประกบกันได้สนิท และด้านนอกของฟันกัดด้านล่าง ควรสัมผัสกับด้านในของฟันบนอย่างสนิท
ปาก
ริมฝรปากดำ กระชับ กระบอกปากยาวเล็ก
ตา
ขนาดปานกลาง รูปไข่ ตั้งอยู่ด้านข่าง แสดงออกถึงความฉลาด มีพลัง ร่าเริง ไม่ดุดัน สีน้ำตาลออกแดง จนถึงดำออกน้ำตาล สำหรับขนทุกชนิดและทุกสี ตาซึ่งเป็นสีขาวหรือสีขุ่นในกรณีของสุนัขลายต่าง ไม่เป็นข้อบกพร่องที่รุนแรงมากนัก แต่เป็นลักษณะที่ไม่พึงปรารถนา
หู
ไม่อยู่ใกล้ส่วนบนของศีรษะ ไม่ค่อนไปข้างหน้ามากเกินไป ยาวแต่ไม่ยาวมาก ไม่แคบตั้ง หรือม้วนการเคลื่อนไหวของหูมองดูมีชีวิตชีวา และขอบด้านหน้าแตะกับแก้มพอดี
จมูก
จมูกสีดำ สีเข้มเป็นมันเงา
คอ
ค่อนข้างยาว มีมัดกล้ามเนื้อ ไม่มีผิวหนังยาน หย่อนตรงคอหอย ขยายออกอย่างสวยงามไปยังไหล่ แสดงความองอาจแต่ไม่แข็ง
อก
อกลึก มีกล้ามเนื้อกระชับแน่น ซี่โครงขยายพอดี ไม่ใหญ่เทอะทะ
ลำตัว
โดยทั่วไปต้องยาว และเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกรานแข็งแรง อยู่ในแนวตรงที่สุดที่เป็นไปได้ ระหว่างจุดสูงสุดของไหล่ หน้าอกเป็นรูปไข่ และยืดขยายไปด้านล่างไปจนถึงจุดกึ่งกลางของขาหน้าโครงสร้างของกระดูกซี่โครง เต็มและเป็นรูปไข่ เมื่อมองจากด้านบนหรือจากด้านข้าง จะเห็นเต็ม เพื่อให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ เป็นตำแหน่งของหัวใจและปอดกระดูกซี่โครงกลมโค้งแล้วค่อยๆ ประสานกลมกลืนเข้ากับเส้นท้อง ถ้าความยาวถูกต้อง ขาหน้าเมื่อมองดูจากด้านข้างควรปิดคลุมจุดที่ต่ำสุดของเส้นอก เส้นท้องสูงขึ้นเล็กน้อย         
เอว
-
ขาหน้า
ขาหน้าท่อนบน มีความยาวเท่ากับแผ่นไหล่ และทำมุมฉากกัน กระดูกแข็งและเต็มด้วยกล้ามเนื้ออยู่แนบชิดกับซี่โครง สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระ ขาหน้าจะสั้นเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่นๆ อุ้งเท้าหนา กว้างด้านหน้า และเอียงออกด้านนอกเล็กน้อย อัดแน่นนิ้วเท้างุ้มสวยงาม และอุ้มเท้าควรแนบชิดติดกัน มีเล็บที่แข็งแรงด้านล่างมีอุ้งเล็บที่แข็ง ติ่งเล็บอาจต้องถูกตัดออกไป
ขาหลัง
ขาหลังแข็งแรง สั้น ท่อนขาทั้ง 2 ข้างขนาดกัน มั่นคงแข็งแรง
หาง
หางเรียงเล็ก และสั้น กระดูกหางยาวต่อจากกระดูกสันหลัง ปลายหางเล็กเรียว โค้งขึ้นเล็กน้อย ปลายชี้ไปทางด้านหน้า
ขน
ลักษณะพิเศษของขนที่แตกต่างกัน 3 ชนิด1. ขนสั้น (หรือขนเรียบ) 2. ขนลวด 3. ขนยาว ซึ่ง ทั้ง 3 ชนิดนี้ควรเป็นไปตามลักษณะมาตรฐานที่ได้กล่าวมาแล้ว ขนยาวและขนสั้นเป็นชนิดที่มีมานาน เป็นพันธุ์ที่อยู่ตัวดีแล้ว แต่ในชนิดลวด เลือดของพันธุ์อื่น ได้ผสมเข้ามาอย่างมีวัตถุประสงค์ แม้กระนั้นในการผสมพันธุ์สิ่งเน้นที่สำคัญที่สุดต้องอยูที่การให้เป็นไปตามชนิดของดัชชุนด์ทั่วไป ลักษณะดังต่อไปนี้ นำมาใช้แยกชนิดกันตามลำดับ
สีขน
ดัชชุนขนสั้นมีหลายทั้งสีน้ำตาลแดงล้วน น้ำตาลเหลือง หรือสีดำแต้มน้ำตาลแดงที่รอบปาก อก คิ้วเหนือดวงตาและช่วงเท้าทั้ง 4 ข้าง ส่วนขนยาวก็มีสีดำแต้มด้วยสีน้ำตามแดงเป็นจุดๆ อย่างขนสั้น บางตัวเป็นขนสีน้ำตาลเหลืออ่อนๆ บางตัวมีขนสีขาวแต้มจุดดำ มีบางตัวเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม แต้งสีดำไหม้บริเวณขนปลายหู อก และใต้ท้อง