วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชิสุห์

     
   เรามาทำความรูจักเจ้าสุนุขตัวเล็กที่แสนจะน่ารักกันเถอะ >>>


มาตรฐานสายพันธุ์สุนัขพันธุ์ ชิห์สุ (Shih Tzu)
น้องหมาพันธุ์เล็กยอดนิยมอย่างชิห์สุ (Shih Tzu) คงทำให้คนรักสัตว์หายเหงากันมาไม่น้อย ยิ่งคนที่มีพื้นที่อาศัยอย่างคอนโด หรืออพาร์ตเม้นท์ซึ่งมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ชิห์สุจึงถูกหมายตาให้เป็นสมาชิก 4 ขาในบ้านเป็นอันดับต้นๆ ทีเดียว ชิห์สุเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่มีความทรหดอดทนสูง แข็งแรง สร้างเสน่ห์ให้เจ้าของหลงรักได้ไม่เว้นวัน
ชิห์สุ มีอุปนิสัย ร่าเริง ตื่นตัว ฉลาด ขี้เล่น เป็นตัวของตัวเอง กล้าหาญ เป็นเพื่อนที่ดี รักเจ้าของ จงรักภัคดีต่อเจ้าของ ช่างประจบ รักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคนหากถูกฝึกให้เข้าสังคมอย่างเพียงพอ สามารถเข้าสังคมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ได้ ปรับตัวได้ดีชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของ ในทุกเรื่อง ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน

    

บรรพบุรุษของชิห์สุ ค่อนข้างจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าชิห์สุ มีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่า สิงห์โตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต (Lama) จึงได้ผสมสุนัขพันธุ์เล็กขึ้นมา ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงห์โต (Lion Dog) ชิห์สุ (ซึ่งแปลว่าสิงโต) จึงได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่เก่าแก่และตัวเล็กที่สุดในบรรดาสุนัขศักดิ์สิทธิ์ (Holy Dog) และมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ของชาวทิเบต
ตามประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งโรจน์ในประเทศจีนนั้น พระนางชุสีไทเฮาพยายามรักษาสายพันธุ์ชิห์สุไว้ ซึ่งคอกสุนัขปั๊ก, ปักกิ่งและชิห์สุ ของพรนางฯ เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก พระนางทรงดูแลเอาใจใส่สุนัขในคอกเป็นอย่างดีในตลอดช่วงเวลาที่พระนางมีชีวิตอยู่ ถึงกระนั้น ชิห์สุก็ถูกลักลอบนำออกไปโดยขันทีในราชสำนัก ขันทีได้แอบผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์เพื่อต้องการลดขนาดของสุนัขให้เล็กลง หลังจากพระนางชูสีไทเฮาสิ้นพระชมน์ในปี ค.ศ.1908 สุนัขก็ค่อยๆ กระจัดกระจายหายไป การผสมพันธุ์ก็เป็นไปแบบตามอำเภอใจ แต่ก็ยังมีผู้ที่ยังคงผสมพันธุ์เพื่อรักษาสายพันธุ์ไว้อยู่ และหลังจากที่มีการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ สุนัขในพระราชวังก็สูญพันธุ์ไปเนื่องจากมีการทำลายล้างพระราชวัง


มาดูความน่ารักของเจ้าชิสุห์กันดีกว่า




ลักษณะของสุนัขพันธุ์ชิสุห์

ศีรษะ
ต้องกลมโต
กว้างอย่างสมดุล สีกลางหน้าผากจะต้องขาวเด่น
สั้น หน้าผากถึงจมูก ต้นไม่ยาวเกิน 1 นิ้ว
ตาทั้งสองข้างอยู่ห่างจากกัน สมดุลกัน ดวงตากลมโตสีดำไม่โปน นัยน์ตาแสดงความเป็นมิตรไม่ดุร้าย
กว้าง สีดำ ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน
มีขนาดสั้น ปากไม่แหลม ไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก
ต้องขบสนิท เรียบ ฟันล่างขบฟันบนเล็กน้อย ขบแบบเสมอ หรือ UNDERSHOT เล็กน้อย อย่าให้ฟันบนเกยฟันล่างเด็ดขาด
ไม่ยื่น
ปลาย หูจะมีสีดำ ไม่ว่าหูจะสีอะไรปลายหูจะต้องดำ ต้องยาวกว้างและห้อยลง โคนหูจะอยู่ต่ำกว่าศีรษะส่วนบนเล็กน้อย ขนที่หูหนามากจนดูกลมกลืนไปกับขนที่ต้นหู
ตั้งตรงยาว ได้สัดส่วนกับลำตัว เชิด ดูสง่างาม
มีขนสองชั้น ขนชั้นในดก หนา ขนชั้นนอกยาวและแน่น ไม่หยิกเป็นลอน ขนบนศีรษะนิยมมัดเป็นจุก
เป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น สีใช้ได้ทุกสี สีจะต้องไม่แซมกัน สีต้องเป็นกลุ่มชัดเจน ท้ายทอยขาว
ต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย ลำตัวบึกบึน กระชับ
กว้างและลึก ไหล่ดูมั่นคงแข็งแรง แผ่นหลังตรงได้สัดส่วน
ขา ตรง สั้น กระดูกขาใหญ่ มีกล้ามเนื้อแน่น ขนดกหนา เท้าใหญ่และแข็งแรง ตั้งห่างกันในระยะที่เหมาะสม ข้อศอกใต้อกชิดติดลำตัว มีขนาดสั้น
ขาสั้น ขาหลังมีกระดูกใหญ่ เมื่อดูจากด้านหลังจะมีลักษณะตรง มีกล้ามเนื้อ โคนขาอวบกลม ขนขาดกหนา
นิ่มนวล สวยงาม ควรเดินเป็นเส้นตรงในระดับความเร็วที่เหมาะสม ขาหน้าควรก้าวตรงไปข้างหน้า ไม่แกว่งเข้าหรือแกว่งออก และขาหลังดีดสูงขึ้นในระดับที่เท่ากัน ในขณะที่เส้นหลังก็ต้องตรง คอตั้งเชิดและหางพาดกลับมาที่หลัง
ขนาดกำลังพอดี มั่นคง ใต้นิ้วเท้าหนา นิ้วติ่งที่อยู่ด้านหลัง มักนิยมตัดออก ส่วนนิ้วติ่งขาหน้าจะตัดออกหรือไม่ก็ได้
มี ขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม หางต้องม้วนพาดกลางหลัง ตั้งตรงและแกว่งไกว ไม่ห้อยลง โคนหางค่อนข้างสูง มีขนยาว ปลายหางต้องมีสีขาวเท่านั้น ระยะจากต้นคอถึงโคนหาง มองดูค่อนข้างมีความยาวกว่าความสูง ซึ่งต้องวัดจากปลายขาถึงต้นคอ
เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
4.5 – 7.5 กก. (10 – 16 ปอนด์)
25 – 27 ซม. (10 – 11 นิ้ว)
12 – 14 ปี
มีความสง่างาม ขณะก้าวขาเหยียดตรง คอเชิด เส้นหลังตรง หางพาดอยู่บนหลัง
ต้อง การความรักและเอาใจใส่มาก ควรเลี้ยงไว้ในห้องปรับอากาศหรือที่ที่มีอากาศเย็น สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และแปรงขนมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวันก็ได้ เพราะถ้าเขาวิ่งออกไปซนนอกบ้าน ขากลับก็จะพกเอาดิน เศษโคลนติดมากับขนด้วย ขนบนหัวควรผู้รวบให้เรียบร้อย เพราะดวงตาโปน อาจบาดเจ็บได้ง่าย ขนที่ก้นและเท้า ต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด
มีบุคลิกกระฉับกระเฉง สามารถให้ความรักกับสุนัขได้ มีเวลาในการดูแลเอาใจใส่ เช่น เล่น แปรงขน ฝึกให้เข้าสังคม เป็นต้น
กะโหลก
หน้า
ตา
จมูก
ปาก
ฟัน
คาง
ใบหู
คอ
ขน
สีขน
ลำตัว
อก
ขาหน้า
ขาหลัง
ท่าเดิน
เท้า
หาง
ขนาด
น้ำหนัก
ส่วนสูง
อายุเฉลี่ย
การเดิน วิ่ง
การดูแล
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

ปิดท้ายด้วยการฝึกเจ้าชิสุห์

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชิวาวา (Chihuahua) ^^

             ถ้าพูดถึงสัตว์ที่มีผู้คนนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดต้องเจ้าตัวนี้เลย ชิวาวา (Chihuahua)  เรามาดูความน่ารักของ ชิวาวา กันเลย

 


ลักษณะทั่วไปของน้องหมาชิวาว่า มีดังนี้
frpeschstandard1
5ลักษณะทั่วไป :
ชิวาวาเป็นสุนัขขนาดเล็กที่มีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก
มีทั้งพันธุ์สั้นและขนยาว ชิวาวาพันธุ์ขนสั้นมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขสายพันธุ์ดั้งเดิม
ส่วนสายพันธุ์ขนยาวเพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายหลัง
ชิวาวาเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างกระชับสมสัดส่วน ดูสง่างาม
คล่องแคล่วว่องไวและตื่นตัวตลอดเวลา กะโหลกมีลักษณะกลม
ความยาวลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย จมูกและปากสั้น
ปลายจมูกค่อนข้างแหลม จมูกมีสีเข้มเข้ากับขนลำตัว
ใบหูมีขนาดใหญ่ปลายหูค่อนข้างแหลมตั้งขึ้น
ตาโตแต่ไม่ยื่นโปนออกมา นัยน์ตามีสีดำสนิท

ชิวาวา น่ารักมากมาย...


5นิสัย : ชิวาวาเป็นสุนัขมีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก
โดยปกติมักเป็นสุนัขที่เงียบสงบไม่ค่อยเห่าส่งเสียงรบกวน
เว้นแต่จะถูกรบกวนหรือทำตกใจจึงจะเห่าเพื่อรักษาที่อยู่อาศัยของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีนิสัยกล้าหาญมักจะยืนหยัดต่อสู้กับสุนัขตัวอื่นๆ
ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กกว่า แต่ก็มีอัธยาศัยที่ดีกับสุนัขตัวอื่นหรือสัตว์เลี้ยง ชนิดอื่นๆ
5ขนาด :- ความสูง 16-20 (เซนติเมตร)
- น้ำหนักตัว 2.5-2.7 (กิโลกรัม) /แต่ดาด้าบรรลุขั้นเทพ หนักซะสามโลแปด!
5ขน :
- ชิวาวาพันธุ์ขนสั้น เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่มและแนบติดกับลำตัวขนเป็นมันแวววาว
หากชิวาวาตัวโต จะมีขนขึ้นดกหนากว่าปกติ เพราะมีขนชั้นในด้วยไม่ถือว่าผิดมาตรฐาน
โดยปกติขนที่บริเวณลำตัวและคอ จะขึ้นหนาแน่นกว่าขนตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ส่วนขนที่บริเวณศีรษะและใบหูจะบางกว่าส่วนอื่น
- ชิวาวาพันธุ์ขนยาว เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม ขนเหยียดตรง
หรือเป็นลอนเล็กน้อย แต่ห้ามหยิก ขนชั้นในจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขนที่บริเวณใบหูจะต้องยาว
แต่ถ้าขนยาวและดกมากหนาเกินไปจนห้อยปรกลงมาครอบใบหู ควรตัดเล็มออก
สำหรับขนที่บริเวณขาอุ้งเท้า และบริเวณด้านหลังของสะโพกควรมีเส้นเล็กบาง
ส่วนขนที่บริเวณลำคอและหางควรมีลักษณยาวและฟู
5สี : สีของขนที่บริเวณหางควร มีสีกลมกลืนกับสีของขนบนตัว
- สำหรับชิวาวาขนสั้น ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่มกว่าขนบนตัว
- ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่ม
5ศีรษะ : กะโหลกศีรษะควรกลมคล้ายผลแอปเปิ้ลตั้งกลับหัว
ผิวหนังตรงบริเวณกรามและแก้ม ควรตอบแนบติดกับกระดูก


5หู : ใบหูควรมีขนาดใหญ่ ปลายหูค่อยข้างแหลม
ในยามที่สุนัขเกิดความตื่นตัวหรือกำลังให้ความสนใจกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ใบหูควรตั้งชัน
แต่ในยามปกติใบหูทั้ง 2 ข้างควรตั้งถ่างออกจากกัน
โดยฐานใบหูทำมุมเฉียง 45 องศา กับกะโหลกศีรษะ
สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนยาว บริเวณหลังใบหูควรมีขนยาวปกคลุม
ถ้าหากขนขึ้นที่ใบหูดกหนามากเกินไปอาจเล็มแต่งเพื่อความสวยงามได้
แต่ถ้าใบหูห้อยปรกลงมาถือว่าบกพร่อง
5ตา : ตาโตแต่ไม่ควรยื่นโปนออกมามาก ตาทั้ง 2 ข้างควรมีขนาดเท่าๆกัน
และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากกันในระดับพอเหมาะ
นัยน์ตาควรมีสีดำสนิทส่องประกายแวววาว แต่สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง
หากนัยน์ตามีสีจางอนุโลมได้ จมูก จมูกปากควรสั้น ปลายจมูกปากค่อนข้างกลม
สีของจมูกควรมีสีเข้ากับสีของขนบนลำตัว สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง
หากจมูกมีสีชมพูถือว่าพออนุโลมได้ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ
เพราะโดยส่วนใหญ่ หากสุนัขมีจมูกสีชมพู ถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงมาก


5ฟัน : ฟันหน้าควรขบกันได้สนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก
แต่ถ้าฟันแถวล่างเกยอยู่ด้านนอก หรือฟันบนขบเกยอยู่ด้านนอก
แต่ขบฟันล่างไม่สนิทหรือฟันขาด หรือฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบ
ล้วนถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงทั้งสิ้น
5คอและหัวไหล่ : ลำคอควรมีลักษณะเป็นเส้นโค้งสวยงาม
ลาดเทเข้าหาหัวไหล่เล็กน้อย สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนสั้น
ความสวยงามของลำคอถือเป็นเรื่องสำคัญมากเนื่องจากมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะไม่มีขนมาบดบัง ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณลำคอควรยาว
แต่ไม่ถึงกับยาวและดกหนามาก หัวไหล่ที่ดีควรมีลักษณะราบเรียบ
และค่อยๆขยายออกกว้า ง รับกับขาหน้าทั้ง 2 ข้าง
กระดูกหัวไหล่ควรลาดเทลงหาแผ่นหลัง
5อก : ควรลึก และกว้าง แต่ไม่ต้องถึงกับเท่าพันธุ์บลูด็อก
แผ่นหลังและลำตัวแผ่นหลัง ควรมีลักษณะเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น
ความยาวของลำตัวมีมากกว่าความสูงเล็กน้อย
โดยปกติชิวาวาเพศผู้จะมีลำตัวที่สั้นกว่าเพศเมีย
โครงสร้างลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลม ไม่แบน แต่ก็ไม่ถึงกลมเหมือนถังเบียร์

5ลำตัว : ครึ่งท่อนหลังจะต้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
ข้อศอกขาหลังเวลายืนตั้งอยู่ห่างจากกันในระดับพอเหมาะ ข้อศอกไม่ควรบิดเข้าหากัน
เวลาที่สุนัขเดินหรือวิ่งแลดูแข็งแรง เท้าไม่ปัด
5หาง : ต้องยาวพอเหมาะ หางควรตั้งและมีลักษณะโค้งคล้ายหางของสุนัขไทยหางดาบ
ในกรณีที่สุนัขมีหางม้วน อนุโลมให้ปลายหางม้วนแตะแผ่นหลังได้
แต่ห้ามเลยระดับแผ่นหลังลงมา
5ขาและเท้า : ขาควรเหยียดตรงและตั้งขนานกัน อุ้งเท้าควรมีขนาดเล็ก
นิ้วเท้าแยกออกจากกัน แต่ไม่ถึงกับกางแบะออกเหมือนตีนเป็ด
อุ้งเท้าคล้ายกับอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์บลูด็อก
ซึ่งจะแตกต่างจากอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์อื่นๆ ซึ่งโดยมากมีอุ้งเท้ากระชับ
5สี : สีขนอาจมีได้หลายสี ไม่มีข้อจำกัด
อาจเป็นสีเดียวกันทั้งตัวหรืออาจมีมาร์คกิ้งหรือสีด่างก็ได้ สีขนมีได้ไม่จำกัด
อาจเป็นสีเดียวทั้งตัวหรือมี มาร์คกิ้งหรือมีสีต่างๆก็ได้

ข้อแนะนำการเลี้ยงชิวาว่า
สำหรับชิวาว่าถือเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กเลี้ยงง่าย เห่าไม่เก่ง กินน้อย
สามารถเลี้ยงในบ้านที่มีเนื้อที่น้อย เช่น คอนโดมีเนียม อพาร์ทเมนท์ เป็นต้น
ชิวาว่าเป็นสุนัขที่รักความสะอาดไม่ต้องใช้เวลาในการดูแลมากนัก
ถึงแม้ว่าจะเป็นชิวาว่าขนยาวก็เพียงแค่อาบน้ำ แปรงขนนิดหน่อยเป็นอันเรียบร้อย
นอกจากนี้สุนัขพันธุ์ชิวาวายังเป็นสุนัขที่ฉลาด สามารถฝึกหัดง่าย เชื่อฟังคำสั่ง ขี้เล่น
จงรักภักดีต่อเจ้าของมาก จนดูเหมือนกับว่าติดเจ้าของ สุนัขพันธุ์ชิวาวาไม่ชอบอยู่ตัวเดียว
เวลานายเดินไปไหนมันจะคอยมองดูเจ้านายของมันให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา
และที่สำคัญสุนัขพันธุ์ชิวาวามีขนาดที่เล็ก สามารถนำพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
ถือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของน้องชิ
มีข้อควรระมัดระวังอยู่บ้างคือ สุนัขพันธุ์ชิวาวานี้ไม่ชอบอากาศเย็น
ถ้าจะเลี้ยงในห้องแอร์ต้องสวมเสื้อผ้าหนา ๆ อบอุ่นและจะมีอาการสั่นเมื่อตื่นเต้นหรือตกใจ
ด้วยขนาดที่เล็กและบอบบางจังต้องระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับสุนัข
และอีกปัญหาหนึ่งก็คือเวลาชิวาว่าคลอด
การที่ชิวาว่าหัวโตเป็นแอปเปิลแต่ตัวเล็ก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คลอดยาก
ทำให้บางครั้งต้องผ่าออกเพื่อความปลอดภัย ของชิวาว่าด้วย

ปิดท้ายด้วยการประกวดของเจ้าชิวาวา



Good bye...

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปอมเมอเรเนียน !!!


    ปอมเมอเรเนียนสุนัขตัวเล็กที่แสนจะน่ารัก น่ารักไม่น่ารักมาดูกันเลย....




            หากพูดถึง สุนัข ตัวเล็กๆ ขนฟูๆ หางเป็นพวง จมูกแหลมๆ ตาแป๋วเป็นประกาย แน่นอนว่าสุนัขที่ว่านี้คือพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน  ที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องขอจับ ขอสัมผัส ความน่ารักกันใกล้ๆ แต่ที่เห็นน่ารัก ดูบอบบางเหมือนคุณหนูแบบนี้ แท้จริงแล้ว ปอมเมอเรเนียน มีต้นตระกูลมาจาก สุนัข ลากเลื่อนของประเทศไอซ์แลนด์และเลปแลนด์ บริเวณตอนเหนือของทวีปยุโรปโน่นแน่ะ
          

ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่ชอบเอาใจใส่กับสิ่งภายนอก เฉลียวฉลาด เหมาะสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนพอๆ กับเลี้ยงเพื่อการแข่งขัน ชื่อของ ปอมเมอเรเนียน มาจาก Pomeranian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์และประเทศเยอรมันตะวันออก เหนือแถบทะเลบอลติก โดยแต่เดิมนั้น ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่ที่ใช้ลากเลื่อนและเฝ้าฝูงแกะ มีรายงานว่า ปอมเมอเรเนียน ที่ถูกนำเข้ามาในอังกฤษตัวแรกมีน้ำหนักถึง 30 ปอนด์ แต่ต่อมาได้มีผู้ผสมพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคู่ใจแทนการใช้งาน

          ทั้งนี้ ปอมเมอเรเนียน เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อสมเด็จพระราชินี วิคเตอเรีย แห่งอังกฤษ ทรงไปพบ สุนัข พันธุ์นี้และนำกลับมาเลี้ยงในพระราชวังด้วย ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าควีนวิคตอเรียทรงโปรด สุนัข ปอมเมอเรเนียน มาก แม้กระทั่งวันที่สิ้นพระชนม์ยังทรงให้เอาเจ้า Turi สุนัข ปอมเมอเรเนียน ตัวโปรดมาไว้ข้างพระแท่นบรรทม และเจ้า Turi นี้ก็ได้นอนเฝ้าอยู่จนควีนสิ้นพระชนม์ จึงทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นผู้ที่ทำให้สาธารณชนรู้จักและนิยมเลี้ยง ปอมเมอเรเนียน ตัวเล็ก


          อย่างไรก็ตาม ปอมเมอเรเนียน ที่ถูกพัฒนาจนเล็กลงอย่างที่นิยมเลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลงานการพัฒนาของนักผสมพันธุ์ สุนัข ชาวอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจที่ ปอมเมอเรเนียน สายพันธุ์จากอเมริกาได้รับการยอมรับให้เป็นสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด 


มาทำความรู้จักกับเจ้าตัวเล็กปอมเมอเรเนียนกัน...



ลักษณะสายพันธุ์ สุนัข ปอมเมอเรเนียน
 
          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4-6 ปอนด์ หรือราว 1.7-2.5 กิโลกรัม ถ้านำหนักน้อยหรือมากกว่านี้ จะถือว่าไม่ได้มาตรฐานสายพันธุ์  เป็น สุนัข ที่ว่องไวปราดเปรียว มีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม และมีขนชั้นนอกที่หยาบกว่าชั้นใน หางสวยงามเป็นพวงขน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง หางจะขนานไปกับหลัง โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของ ปอมเมอเรเนียน นี้ คือ จะตื่นตัวเสมอ เห่าเก่ง  มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา เป็นพันธุ์สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว

           ศีรษะ 
          ศีรษะจะสมดุลได้สัดส่วนกับลำตัว จมูกยาวเล็กน้อย ตรง มองเห็นชัดเจน ปลายจมูกเชิดเป็นอิสระจากริมฝีปาก การแสดงออกของใบหน้าจะสดใส ร่าเริง คล้ายใบหน้า สุนัข จิ้งจอก หรืออีกนัยหนึ่งคือใบหน้าที่ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ กะโหลกจะปิดสนิท ด้านบนสุดของกะโหลกจะกลมเล็กน้อย แต่ไม่เป็นรูปโดมซะทีเดียว เมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้าง จะเห็นใบหูที่ค่อนข้างเล็ก เชิดสูงและตั้งตรงเสมอ เมื่อลากเส้นผ่านปลายจมูกไปยังตรงกลางตาไปยังปลายหูจะได้เส้นตรง นัยน์ตาเป็นสีดำ แววตาสดใสรูปร่างอัลมอนด์ ขนาดปานกลางตั้งอยู่ในตำแหน่งตัวกับกะโหลก นัยน์ตาค่อนข้างชัดเจน ขอบตาและจมูกต้องเป็นสีดำ ยกเว้น ปอมเมอเรเนียน สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน (เทา) ฟันสบกันแบบกรรไกร ถ้ามีฟันซี่ใดซี่หนึ่งไม่ตรงก็ยอมรับได้

           ลำตัว ลำคอ

          ลำคอสั้น โดยศีรษะแทบจะติดกับไหล่ ส่วนหลังนั้น ลำตัวกระชับและกะทัดรัด มีซี่โครงและช่วงอกที่ทำงานได้ดี โดยยื่นไปถึงข้อศอก หางดีเป็นพวง เป็นลักษณะเฉพาะพันธุ์ โดยจะขนานไปกับลำตัวส่วนหลัง

           ลำตัวส่วนหน้า
          ลำตัวส่วนหลังจะเป็นตัวชูให้ลำคอ และศีรษะอยู่สูง แสดงถึงความผ่าเผย ไหล่และขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ความยาวของใบไหล่ และต้นแขนจะเท่ากัน ขาหน้าจะตรงและขนานกับความสูงจากศอกถึงตะโหนก เท่ากับความสูงจากศอกถึงพื้น ข้อเท้าตรงและแข็งแรง เท้าได้รูปหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก ขณะยืนจะรับน้ำหนักตัวได้ดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง

           ลำตัวส่วนท้าย

          มุมของลำตัวส่วนท้ายจะสมดุลกับลำตัวส่วนหน้า สะโพกสวย ต้นขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ข้อเท้าบิดเล็กน้อย ข้อเท้าได้ฉากกับพื้น และขาจะตรงและขนานกับอีกข้าง ขอบเท้าชัดเจน เท้าหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก สุนัขยืนอยู่บนนิ้วเท้าได้อย่างดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง 

           การก้าวย่าง และเคลื่อนไหว

          ปอมเมอเรเนียน มีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล เป็นอิสระ สมดุลและกระฉับกระเฉง มีแรงส่งตัวไปด้านหน้าได้ดี เพราะมีแรงขับจากลำตัวส่วนท้าย ขาหลังจะเดินตามรอยขาหน้าในข้างเดียวกัน เป็นการเดินและเคลื่อนไหวที่สมดุล ขณะเคลื่อนไหวจะไม่มีการเหวี่ยงเท้าเข้าหรือออกจากลำตัว ลำตัวด้านบนยังคงได้ระดับ ซึ่งดูแล้วลักษณะทั้งหมดจะสมดุล

           ขนและสีขน
          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนสองชั้น ขนชั้นในนิ่มและแน่น ขนชั้นนอกจะยาวตรงหยาบกว่า แต่จะส่องแสงแวววาว ขนชั้นในจะหนาเพื่อปกป้องลำตัวของ สุนัข โดยขนจะแน่นตั้งแต่ลำคอ ไหล่ และอก ขนชั้นนอกบริเวณไหล่ อก ค่อนข้างมาก ขนบริเวณศีรษะและขาจะน้อยและสั้นกว่าส่วนอื่น (โดยเฉพาะลำตัวและไหล่จะยาวที่สุด) ลำตัวส่วนหน้าจะมีขนปกคลุมไปจนถึงข้อเท้าหางจะมีขนชั้นนอกที่ยาว แข็ง ปกคลุม อาจต้องมีการตัดเล็มขนบ้างซึ่งยอมรับได้
          ส่วนมีสีขนของ ปอมเมอเรเนียน จะมีหลายสี หลายแบบ เช่น ดำและน้ำตาล สีผสมหรือสีทองออกส้ม สีขาว ที่มีสีอื่นร่วมบริเวณศีรษะ หรืออีกประเภทที่เรียกว่า open elasses คือจะมีสีแดง สีส้ม สีครีม สีดำ สีน้ำตาล สีเทา เป็นต้น

                   



 อาหารและการเลี้ยงดู ปอมเมอเรเนียน

          การดูแลขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรืออาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะให้ขนที่หนาและสวยไม่พันกัน ขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องการการเล็มบ้างแค่ครั้งคราว ส่วนการดูแลหูและเล็บเป็นประจำเป็นสิ่งที่แนะนำรวมกับการอาบน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอาบน้ำให้ ปอมเมอเรเนียน บ่อยมากจนเกินไป เพราะการอาบน้ำบ่อยจะทำให้หนังและขนเแห้งจนเกินไป เนื่องจากน้ำมันที่จำเป็นถูกล้างออกไปหมด 

          
นอกจากการดูแลขนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่มากที่สุดสำหรับ สุนัข ปอมเมอเรเนียน คือการได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดี เนื่องจาก ปอมเมอเรเนียน ง่ายต่อการสูญเสียฟันอันเนื่องมาจากปัญหาฟันผุ หรือสุขภาพเหงือกไม่ดี จึงต้องมั่นทำความสะอาดฟันให้เป็นประจำ และควรให้อาหารชนิดแห้งเพื่อลดปัญหาสุขภาพปากและฟัน





โรคและวิธีป้องกัน

          สุนัข แต่ละพันธุ์มีโรคประจำที่แตกต่างกันออกไป เช่น สุนัข พันธุ์โกลเด้น ก็มีปัญหาโรคข้อสะโพกเสื่อม สุนัข พันธุ์คอกเกอร์ สเปเนียล ก็พบปัญหาเรื่องโรคหูอักเสบ สุนัข พันธุ์พุดเดิ้ลก็มีปัญหาโรคหัวใจโต สุนัข พันธุ์ดัลเมเชี่ยนก็เจอโรคหูหนวก สุนัข พันธุ์ดัชชุน ก็มีปัญหาโรคหมอนรองกระดูก ฯลฯ ปอมเมอเรเนียน ก็มีปัญหาเหมือนกัน โดยมี 4 โรคที่ ปอมเมอเรเนียน พึงสังวรไว้ คือ

          1. โรคลูกสะบ้าเคลื่อน โรคนี้พบได้บ่อยสุด คือ มีอาการเจ็บเข่าจนต้องยกขาไม่ลง ถ้าไม่เป็นมาก ก็รักษาด้วยการกินยา แต่ถ้าเป็นมากต้องพึ่งหมอผ่าตัด  อย่างไรก็ดี โรคนี้ป้องกันได้โดยอย่าปล่อยให้ ปอมเมอเรเนียน ของเราอ้วนเกินไป และคอยดูแลไม่ให้เขาหล่นหรือโดดลงจากที่สูง ส่วนสถานที่ที่เลี้ยงนั้นไม่ควรเป็นพื้นลื่นจำพวกกระเบื้อง พื้นหินขัด,หินอ่อน หรือแกรนิต ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ ปอมเมอเรเนียน ที่มีปัญหาลูกสะบ้าขยายพันธุ์ 

          2. โรคหลอดลมตับ เป็นอีกโรคมักพบบ่อยๆ ใน ปอมเมอเรเนียน อาการที่พบ คือ ไอแห้งๆ เสียงดังมาก ซึ่งพบบ่อยเวลาที่ตื่นเต้นหรืออากาศเย็น ดังนั้น จึงอย่าปล่อยให้มันอ้วนเกินไป และพยายามอย่าให้เขาอยู่ในที่ที่อากาศร้อนและชื้นเกินไป และที่สำคัญเวลาจูงเดินเล่นควรใช้สายจูงชนิดสายรัดอก แทนสายจูงกับปลอกคอหรือโซ่คอ

          3. ขนร่วง ปัญหาโรคขนร่วงที่พยบ่อยใน ปอมเมอเรเนียน ก็คือโรค Black Skin หรือ BSD ซึ่งทำให้ผิวหนังไม่มีขนและมีจี้ดำ เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ,ZEMA,ไรขี้เรื้อนและเชื้อรา ซึ่งวิธีแก้ไข คือ ควรรีบพา สุนัข ที่มีปัญหาโรคผิวแห้งไปพบสัตว์แพทย์โดยเร็ว

          4. โรคหนังตาม้วนเข้า โรคนี้สามารถพบใน สุนัข ปอมเมอเรเนียน แต่ไม่พบบ่อยเหมือน สุนัข พันธุ์เชาว์-เชาว์ หรือชาร์ไป ซึ่งวิธีแก้ไขคือต้องทำการผ่าตัดโดยสัตวแพทย์


ปิดท้ายด้วยความน่ารักของเจ้าปอมเมอเรเนียน....


GooD Bye"


โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ครับ!!


    
      ถ้าถามถึงสุนัขขี้เล่นต้องเจ้าตัวนี้เลย โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับเจ้าโกลเด้นเราต้องไปดูความน่ารักของเจ้าโกลเด้นกันก่อน




           โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สุนัข พันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก เรามักจะได้เห็น สุนัขพันธุ์โกลเด้น จากโฆษณาหรือภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ที่มีรูปร่างท่วงท่าสวยงาม หน้าตาน่ารัก ใจดี ขี้เล่น ขนยาวสีเหลืองทอง แถมยังเป็น สุนัข ฉลาด พูดรู้เรื่อง เชื่อฟังคำสั่ง จึงทำให้หลายคนเกิดติดใจอยากหา โกลเด้น มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคู่ใจสักตัว ขณะที่หลายคนก็อาจตกหลุมรัก สุนัข พันธุ์นี้ จนมีไว้ในครอบครองหลายตัวแล้วก็ได้



           โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษและสก๊อตแลนด์ โดยมีการบันทึกไว้ในช่วงทศวรรษที่  1860   ซึ่งบันทึกไว้ว่าได้มีคณะละครสัตว์ของรัฐเซีย   ได้นำฝูง สุนัข มาแสดง จนทำให้ท่านลอร์ด  ทวีดมัธ  ( Lord  Tweedmouth ) รู้สึกประทับใจ จึงได้ทำการขอซื้อไว้แล้วนำมาผสมพันธุ์หลายชั่วอายุ  จึงได้สายพันธุ์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ในที่สุด แต่การนำมาผสมกับสายพันธุ์ไหนนั้นยังไม่มีหลักฐานสรุปที่แน่นอน  แต่มีการสันนิษฐานว่า โกลเด้น มีสายเลือดผสมระหว่างสุนัขพันธุ์ Yellow Flat-Coated Retriever และ Light-Coated Tweed Water Spaniels และอาจจะมีสายพันธุ์ของ Newfoundland หรือ Bloodhound ผสมอยู่ด้วย          




    ทั้งนี้ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็น สุนัข ที่มีความเชี่ยวชาญทางน้ำ โดยแต่เดิมเป็น สุนัข ที่ใช้ในกีฬาล่าสัตว์ นายพรานจะใช้ โกลเด้น ไปเก็บเป็ดน้ำที่ยิงได้กลับมา เนื่องจากมีประสาทสัมผัสดีเลิศทั้งในด้านของการฟังเสียง การดมกลิ่นสะกดรอย นอกจากนี้ โกลเด้น ยังมีสายตาอันเฉียบคมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้วงการทหารและตำรวจในหลายๆ ประเทศจึงได้นำ สุนัขพันธุ์โกลเด้น นี้มาฝึกเพื่อไว้ช่วยงานราชการ อาทิเช่น ตรวจค้นยาเสพติด, ดมกลิ่นสะกดรอยคนร้าย, ยามรักษาความปลอดภัย แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด ก็เห็นจะได้แก่ฝึกให้เป็น สุนัข นำทางคนตาบอด ทั้งนี้เพราะ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขฉลาด และสุภาพ



           โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หรือที่บางคนเรียก เยลโล่ รีทรีฟเวอร์ ( YELLOW RETRIEVER ) เป็นที่รู้จักและนิยมเลี้ยงกันแพร่หลายในประเทศอังกฤษ จนในปี ค.ศ. 1930 โกลเด้น ก็เริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา โดยยุคนั้นชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะเลี้ยง โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ไว้เพื่อเป็นนักล่า 

           ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1977 ได้จัดให้มีการประกวดความสามารถและความฉลาดแสนรู้ของ สุนัข ซึ่งผลปรากฏว่า สุนัข ที่ได้รางวัลที่ 1-3 ล้วนเป็น สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ทั้งสิ้น จากผลการประกวดในครั้งนั้นทำให้ชาวอเมริกันเริ่มเกิดความตื่นตัว และหันมาให้ความสนใจเลี้ยง สุนัขพันธุ์โกลเด้น เป็น สัตว์เลี้ยง กันมากขึ้น

                    ลักษณะทั่วไปของเจ้าโกลเด้น ริทรีฟเวอร์
                        


                   
      
         
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็น สุนัข ในกลุ่มกีฬา (Sporting Group) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้งานในกีฬาล่าสัตว์ เป็น สุนัข ขนาดกลาง มีอายุเฉลี่ย 12 – 14 ปี ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็น สุนัข ที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขนชั้นนอกแน่น เงา หยิกเป็นลอนเล็กน้อย และราบเรียบไปตามลำตัว กันน้ำได้ดี ขนชั้นในแน่น และกันน้ำได้ดีเช่นเดียวกัน มีขนปุกปุยหนาแน่นบริเวณคอ ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว 

           โครงสร้างลำตัวของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จะสั้นกระชับได้สัดส่วน อกลึกและกว้าง ความลึกของอกลึกเสมอข้อศอกขาหน้า ลำตัวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ช่วงรอยต่อระหว่างจมูก ปาก และหน้าผาก มีความลาดเล็กน้อยไม่ถึงกับหัก สันจมูกเป็นเส้นตรง หนังย่นบริเวณหน้าผากอนุโลมให้มีได้ หนังบริเวณใบหน้าเรียบตึง ฟันมีลักษณะขบกันได้สนิท โดยฟันหน้าบนขบเกยอยู่ด้านนอก ส่วนจมูกมีสีดำหรือน้ำตาลดำ ลักษณะของหูสั้นพอประมาณ ใบหูห้อยปรกลงแนบกับส่วนแก้ม และหางอยู่ในตำแหน่งสูงสุดต่อจากเส้นหลังและหางมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะที่บริเวณโคนหาง
        

ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับ นิสัยของเจ้าโกลเด้น ริทรีฟเวอร์


      



 อุปนิสัยของ สุนัข โกลเด้น รีทรีฟเวอร์



          เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่ามี สุนัข น้อยพันธุ์นักที่จะมีนิสัยสุภาพ น่ารัก มีเสน่ห์ ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ และเสียสละรักเจ้าของได้เท่ากับ สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ นี้ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็น สุนัข ที่ใจดี ชอบอยู่กับคนและสัตว์อื่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี สามารถปล่อยให้เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กๆ หรือลูกหลานได้อย่างสบายใจ ค่อนข้างติดคนหรืออยากให้เจ้าของสนใจเสียจนบางครั้งอาจรู้สึกว่าน่ารำคาญ 

         
     นอกจากนี้ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ยังเป็น สุนัข ที่ฝึกง่าย แต่ควรเริ่มฝึก โกลเด้น เสียแต่เนิ่นๆ แต่ก็มีบางตัวที่ขี้ตกใจ เป็นกระต่ายตื่นตูม ดังนั้น การฝึกที่นุ่มนวลและมีแรงจูงใจที่ดีจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ โกลเด้น ชอบเห่าเมื่อมีคนอยู่หน้าประตูบ้าน แต่มีบ่อยครั้งที่การเห่านั้นเป็นการแสดงการทักทาย มิใช่การขู่ เจ้าของควรทำรั้วล้อมรอบบริเวณบ้านให้ดี เพราะถ้าขืนปล่อย สุนัข พันธุ์นี้ให้เป็นอิสระมากไป มันจะหนีออกไปข้างนอกบ้านและคุณคงต้องตามหามันจนเหนื่อย เนื่องจาก โกลเด้น มีนิสัยชอบเที่ยว ชอบผจญภัยเอามากๆ

   
 เรามาดูแลเจ้าโกลเด้น ริทรีฟเวอร์ กันเถอะ....


 


อาหารและการเลี้ยงดู สุนัข โกลเด้น รีทรีฟเวอร์


           โกลเด้น เป็น สุนัข ที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง โกลเด้น จะมีความสุขมากๆ หากเจ้าของพามันไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวันหรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่นแบบสบายๆ ไร้กังวล ได้เล่นกับ สุนัข ตัวอื่น วิ่งเก็บลูกบอล หรือว่ายน้ำ


       
 และด้วยความที่ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีต้นกำเนิดมาเพื่อล่าสัตว์ที่อยู่ริมน้ำ ดังนั้น บุคลิกที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ สุนัข พันธุ์นี้คือ ชอบลงไปในบริเวณที่มีน้ำขังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ กระถางบัว บ่อปลา หรือแม้แต่ชามใส่น้ำของตัวมันเอง จึงขอแนะนำให้หาอ่างน้ำ หรือภาชนะใดๆ ใส่น้ำไว้สำหรับให้เขาเล่นโดยเฉพาะ           ส่วนอาหารที่ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ขนาดโตเต็มวัยต้องการควรเป็นอาหารชั้นดี โดยให้เพียงวันละ 1 ครั้งในปริมาณที่เพียงพอ และในระหว่างวันอาจให้บิสกิตเสริมได้วันละ 2 ครั้ง 

         บริเวณสำหรับนอนเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ โกลเด้น ต้องการผ้าปูรองนอนนุ่มๆ หาของเล่นส่วนตัวสักชิ้นสองชิ้นที่มันสามารถกัดแทะได้ เช่น กระดูกเทียม หรือลูกบอลยางวางไว้รอบตัวให้มันด้วย จะช่วยให้ โกลเด้น มีที่สงบและปลอดภัย สำหรับช่วงเวลาที่พวกมันต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการพักผ่อน นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงยังต้องดูแลเรื่องความสะอาดภายในใบหู ดูแลเรื่องเห็บและหมัด รวมทั้งตัดเล็บให้มันอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้วิ่งและกระโดดง่ายขึ้น





โรคและวิธีการป้องกัน

           โรคประจำสายพันธุ์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่พบบ่อยๆ คือ โรคข้อสะโพก โรคต้อกระจก โรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ โรคเนื้องอกในต่อมน้ำเหลือง

           



       โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia ) เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์ใหญ่                ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมดใน สุนัข โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน


           โรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ กล่าวคือ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ และก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ของร่างกายโดยแสดงออกทางผิวหนัง อาการที่พบคือ สุนัข จะมีอาการขนร่วง เช่น  ข้างลำตัว  รอบก้นและหาง  หน้าอก  ใน สุนัข อายุมากมักพบรังแคกระจายทั่วร่างกาย  อาจพบผิวหนังมีเม็ดสีสะสม  มักพบเป็นสีดำ อาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย  ซึ่งโรคนี้มักพบใน สุนัข อายุ  6-10  ปี แต่ถ้าเป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่สามารถพบในอายุน้อยกว่า  6  ปีได้ ดังนั้น หาก สุนัข ของคุณมีอาการดังนี้  แนะนำให้พา สุนัข มาตรวจกับสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด

          
           โรคเนื้องอกในต่อมน้ำเหลือง พบได้ทั้งชนิดที่ไม่รุนแรงและชนิดที่เป็นมะเร็ง ลักษณะที่พบคือ เป็นเนื้องอกขอบไม่เรียบและมีสีต่างๆ สามารถพบเนื้องอกที่บริเวณผิวหนังของศีรษะ ปลายเท้า หลัง และภายในช่องปาก ซึ่งโดยมากแล้วมักพบในช่องปากของสุนัข โดย สุนัข จะมีน้ำลายไหลมากผิดปกติ มีกลิ่นปาก น้ำหนักลด มีเลือดออก ฟันหลุด และไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งหากผู้เลี้ยงพบอาการดังกล่าวมานี้ ควรรีบพา สุนัข ไปรักษาโดยเร็ว เพราะหากเป็นเนื้องอกชนิดที่มีเชื้อมะเร็ง จะมีอัตราการเสียชีวิตสูง การรักษาทำได้โดยการผ่าตัดกรณีเชื้อยังไม่แพร่กระจาย แต่หากเชื้อแพร่กระจายแล้วจะใช้วิธีเคมีบำบัด

            โรคต้อกระจก มักเกิดกับ สุนัข ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยจะมองเห็นแก้วตามีลักษณะขุ่นขาว ซึ่ง สุนัข ยังพอมองเห็นได้ แต่ถ้าแก้วตาขุ่นเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้มองไม่เห็น เนื่องจากแสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอรับภาพได้ ทั้งนี้สาเหตุเป็นเพราะโรคเบาหวาน หรือได้รับบาดเจ็บ มีแผลที่ตา อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกอาจจะพบได้ใน สุนัข อายุน้อยตั้งแต่เกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจากเป็นมาตั้งแต่เกิด สำหรับการรักษา ควรรีบพา สุนัข ของคุณไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้

ปิดท้ายด้วยการแสดงถึงน้ำใจที่ยิ่งใหญ๋


                                                                                                  Good bye.....